⛪️ คำสารภาพ อสร.9:1-15
🙏 12 มิ.ย. 22
😀 ทบทวนเนื้อหาด้วยคำถาม
1.พระเจ้าสอนอะไรแก่คุณจากพระธรรมตอนนี้?
❤️ เอสราได้ยินข่าวร้ายเกี่ยวกับความไม่ซื่อสัตย์ของชนอิสราเอล คือ บรรดาผู้นำ เจ้าหน้าที่ ปุโรหิต และคนเลวีได้นำให้ประชาชนทำบาปในการไปแต่งงานกับหญิงชาวต่างชาติ ซึ่งทำให้เอสราตกใจ และทุกข์ใจมากจนฉีกเสื้อผ้าและทึ้งผมทึ้งหนวดเคราของตน และ นั่งอยู่ตรงนั้นยาวนาน พร้อมกับบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระเจ้า จนถึงเวลาถวายเครื่องบูชาตอนเย็น เอสราจึงลุกขึ้นแล้วคุกเข่าอธิษฐานต่อพระเจ้า เพื่อสารภาพบาปของชนชาติอิสราเอลที่ทำบาปมากมายต่อพระองค์ ตั้งแต่บรรพบุรุษ และ พระเจ้าได้ลงโทษประชาชน รวมทั้งกษัตริย์ และเหล่าปุโรหิตให้ตกเป็นเหยื่อคมดาบ ตกเป็นเชลย ถูกย่ำยี และถูกปล้นชิง ได้รับความอัปยศอดสูโดยน้ำมือของบรรดากษัตริย์ต่างชาติจนถึงปัจจุบัน (หมายถึง ยุคของเอสรา) แต่พระเจ้าทรงเมตตาให้คนที่เหลือหยิบมือหนึ่งนี้ ( คือ เชลยที่กลับมาจากบาบิโลน) ได้บรรเทาจากความทุกข์ลำเค็ญของการเป็นทาส (ในบาบิโลน ) โดยให้พวกเขาชีวิตใหม่ ได้กลับมาสร้างพระวิหาร ซ่อมแซมซากปรักหักพัง และ สร้างกำแพง
ทั้ง ๆ ที่มีบทเรียนจากอดีตแล้ว แต่เหล่าเชลยที่กลับมายังกลับทำบาปผิดเรื่องเดิม คือ ละเมิดคำบัญชาของพระเจ้าที่สั่งห้ามไม่ให้แต่งงานกับคนชาวต่างชาติ เพื่อไม่ให้พวกเขาชักจูงไปกราบไหว้รูปเคารพ ดังนั้น เอสราขอสารภาพบาปของพวกตนด้วยความละอายต่อพระพักตร์พระเจ้า และเกรงกลัวพระพิโรธของพระเจ้าอย่างจับใจ
2.จะนำมาปฎิบัติตามอย่างไร?
🙎 1. ความบาปเป็นปัญหาใหญ่ของอิสราเอล คือ ความไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ขอพระเจ้าช่วยให้เราระมัดระวังในการดำเนินชีวิต และต้องสอนให้ลูกหลาน และ สมาชิก อย่าแต่งงานกับผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้า เพราะว่าเรื่องนี้จะนำให้พี่น้องและลูกหลานของเราไปกราบไหว้รูปเคารพ
2. เอสราเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำ ที่ตอบสนองต่อปัญหาความบาปของพี่น้องด้วยความทุกข์ใจ และสารภาพบาปด้วยหัวใจที่ร่วมทุกข์กับพี่น้อง โดยถือเสมือนว่า เป็นบาปของตนเอง ( ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ทำผิดเลย) นี่เป็นหัวใจของผู้ยำเกรงพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ขอพระเจ้าช่วยให้เรามีมุมมองอย่างนี้ ไม่ใช่คิดว่า คนอื่นทำบาป คือ เรื่องของเขา เราไม่เกี่ยว เพราะแท้จริงความบาปของคนในครอบครัว หรือ คนในคริสตจักร ย่อมส่งผลบาปต่อทุกคนในครอบครัว และพี่น้องในคริสตจักรด้วย